6 พฤติกรรมใช้หม้อหุงข้าวแบบผิด ๆ ที่ “บ่มมะเร็ง” ไม่รู้ตัว หลายคนยังทำอยู่ทุกวัน

6 พฤติกรรมเสี่ยงเวลาใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ที่หลายคนทำเป็นประจำ แต่ไม่รู้ว่าอาจ “บ่มเพาะมะเร็ง” โดยไม่รู้ตัว

หม้อหุงข้าวไฟฟ้าเป็นของใช้คู่ครัวที่แทบทุกบ้านต้องมี แต่แม้จะคุ้นเคยแค่ไหน หากใช้งานผิดวิธีโดยไม่รู้ตัว ก็อาจกลายเป็นการ “เพาะมะเร็งเงียบ” ในทุก ๆ วันโดยไม่รู้ตัว

ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งโดยตรง แต่การใช้งานผิดวิธี ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ อาจทำให้เกิดสารอันตรายที่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ และเมื่อสะสมในระยะยาว ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะมะเร็ง

ดังนั้นหากคุณหรือคนในครอบครัวมีพฤติกรรมเหล่านี้แม้เพียงข้อเดียว ควรรีบปรับเปลี่ยนโดยด่วน

1. ใช้หม้อหุงข้าวที่เคลือบกันติดหลุดลอกหรือมีรอยขีดข่วนเยอะ

เมื่อสารเคลือบผิวหลุดออก สารพิษอาจปนเปื้อนลงในข้าวที่กิน และเสี่ยงต่อการสะสมในร่างกายได้ในระยะยาว

เมื่อสารเคลือบกันติดภายในหม้อหลุดลอกออก เศษไมโครพลาสติกหรือชิ้นส่วนโพลิเมอร์อาจปะปนลงในอาหารระหว่างการหุง หากเป็นสารเคลือบราคาถูก บางชนิดเมื่อเจอความร้อนสูงอาจสลายตัวกลายเป็นสารพิษ เช่น PFOA หรือ PTFE ซึ่งปล่อยไอระเหยเป็นพิษ ส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับ ระบบฮอร์โมน และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง

2. ทิ้งข้าวไว้ในหม้อนานเกินไปหลังสุก

การปล่อยให้ข้าวเย็นอยู่ในหม้อที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลานาน เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย Bacillus cereus ซึ่งไม่สามารถถูกทำลายได้หมดด้วยความร้อนในการอุ่นซ้ำ อาจทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ เช่น ท้องเสียหรืออาเจียน หากมีการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารเรื้อรัง อาจทำให้เยื่อบุลำไส้ถูกทำลาย ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรงในระยะยาว

 

Advertisement

3. ไม่ทำความสะอาดหม้อหุงข้าวเป็นประจำหรือทำผิดวิธี

คราบอาหาร ไอน้ำ และสภาพปิดสนิทของหม้อหุงข้าว เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและเชื้อราที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะบริเวณฝาหม้อและร่องระบายน้ำที่มักถูกละเลย หากไม่ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ อาหารที่หุงในหม้อสกปรกอาจปนเปื้อนสารพิษจากเชื้อรา (Aflatoxin) ซึ่งเป็นหนึ่งในสารก่อมะเร็งตับที่ร้ายแรงที่สุด และได้รับการเตือนจากองค์การอนามัยโลก (WHO) แล้วว่าอันตรายจริงในระยะยาว

4. ใช้ของมีคมสัมผัสกับผิวหม้อบ่อยครั้ง

การใช้ช้อนโลหะ ตะเกียบปลายแหลม หรือแผ่นขัดที่หยาบขูดบริเวณด้านในของหม้อ อาจทำให้สารเคลือบกันติดหลุดลอกเร็วยิ่งขึ้น เสี่ยงต่อการปนเปื้อนของสารเคมี นอกจากนี้ หากหม้อชั้นในเคลือบบนฐานอะลูมิเนียม เมื่อผิวเคลือบหลุด อาหารอาจสัมผัสกับโลหะโดยตรง ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสรับสารอะลูมิเนียมสะสมในร่างกาย ส่งผลให้ระบบประสาทเสื่อม ความจำถดถอย และอาจเชื่อมโยงกับโรคอัลไซเมอร์หรือความผิดปกติของระบบเผาผลาญ

5. ใช้หม้อชั้นในที่ทำจากอะลูมิเนียมเปลือยหรือวัสดุคุณภาพต่ำ

หม้อหุงข้าวราคาประหยัดบางรุ่นใช้หม้อชั้นในที่ไม่มีการเคลือบผิว เป็นอะลูมิเนียมล้วน ซึ่งมีโอกาสเกิดปฏิกิริยาออกซิไดซ์ได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อหุงอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น น้ำพริก ต้มยำ หรือซุปเปรี้ยว อะลูมิเนียมอาจละลายปนเปื้อนในอาหาร และเมื่อสะสมในร่างกาย อาจกระทบตับ ระบบประสาท และการทำงานของลำไส้ อีกทั้งยังถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของฮอร์โมน และเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งทางเดินอาหาร

6. ใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้าทำอาหารที่มีน้ำมันเยอะ เปรี้ยวจัด หรือแปลกจากที่ควรใช้

แม้หม้อหุงข้าวไฟฟ้าจะใช้งานได้หลากหลาย แต่การนำไปทำเมนูที่มีน้ำมันมาก ความเปรี้ยวสูง หรือส่วนผสมที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้วัสดุภายในเสื่อมสภาพเร็ว และเสี่ยงต่อการปล่อยสารอันตรายเมื่อโดนความร้อนสูง ทั้งยังอาจทำให้หม้อเสียหายก่อนเวลาอันควร และส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

บางคนใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้าในการทำอาหารหลากหลาย เช่น ต้มยำ ตุ๋นกระดูก หรือแม้แต่ผัดทอด แต่แท้จริงแล้วอาหารเหล่านี้ต้องใช้ระดับความร้อนและระยะเวลาการปรุงที่แตกต่างจากการหุงข้าว ซึ่งอาจทำให้สารเคลือบผิวด้านในหม้อเสียหายเร็วขึ้น

โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำมันเยอะ มีฤทธิ์เป็นกรด หรือใส่เครื่องปรุงรสจัด อาจเกิดปฏิกิริยากับสารเคลือบหรือโลหะภายในหม้อ จนเกิดสารอันตราย เช่น อะคริลาไมด์ (acrylamide) หรือสารออกซิแดนต์ที่เป็นพิษ หากทำบ่อย ๆ และรับเข้าสู่ร่างกายในระยะยาว อาจเพิ่มความเสี่ยงของการอักเสบเรื้อรัง และโรคมะเร็งได้ในที่สุด